วันศุกร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

กล้ายูคาสายพันธุ์ h4 ต้นกระดาษพันธุ์โตเร็ว พันธุ์หนัก ต้านทานโรคได้ดีเยี่ยม

กล้ายูคาเนื้อเยื่อสายพันธุ์ H4
(โตเร็ว สม่ำเสมอ ให้ผลผลิตสูง ต้นทานแตนฝอยปม)
คุณสมบัติของสายพันธุ์
- โตเร็ว สม่่ำเสมอ ให้ผลผลิตสูง
- เนื้อแน่น เปลือกบาง ต้นใหญ่น้ำหนักดี
- ผลผลิต 22 ตัน/ไร่ /4 ปี
- ทนแล้งและทนโรค
- ต้านทานแมลงแตนฝอยปม
- ปลูกร่วมกับพืชเกษตรอื่นได้ดี
- ตัดขายแล้วแตกหน่อยได้ดี เก็บเกี่ยวผลผลิตได้หลายรอบ
- ออมเงินระยะยาว ชะลอการตัดได้ ไม่เน่าเสียเหมือนพืชเกษตรอื่น 




 จากการทดลองผสมพันธุ์ ยูคาลิปตัสสายพันธุ์ H4 กว่า 2 ปี และทดลองปลูกอีก 5 ปี โดยบริษัท สยามฟอเรสทรี จำกัด และศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีของเอสซีจี เปเปอร์ยูคาลิปตัสสายพันธุ์ H4 ก็พร้อมสำหรับให้เกษตรกรนำไปปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจด้วยจุดเด่นที่คุณสมบัติทนแล้ง ทนโรค และทนแมลง เช่น แมลงแตนปมฝอย กิ่งเล็ก เปลือกบางทำให้ได้เนื้อไม้ที่มากขึ้น
โดยให้ผลผลิตไม้สูงถึง 12-24 ตันต่อไร่ที่อายุ 5 ปี และให้ผลผลิตเยื่อถึง 49% สามารถปลูกได้ทั้งในพื้นที่ราบระบายน้ำได้ดี และสามารถทนน้ำขังได้เป็นครั้งคราวในฤดูฝน
เหมาะสำหรับการปลูกในที่ดินภาคตะวันตก ภาคเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นพื้นที่ราบ ดินเป็นกรด ดินร่วนปนทราย หรือดินร่วนเหนียวปนทรายการปลูกยูคาลิปตัสสายพันธุ์ H4 จะช่วยสร้างรายได้ที่ยั่งยืนและมั่นคง เพราะเป็นพืชที่ปลูกง่าย เติบโตเร็ว ดูแลจัดการง่าย ลงทุนน้อยใช้แรงงานน้อย แต่ให้ผลผลิตและผลตอบแทนสูง คืนทุนเร็ว โดยใช้เวลาเพียง 4-5 ปีก็ตัดขายได้แล้วยังสามารถแตกหน่อได้ดี โดยสามารถตัดได้ 3-4 รอบ ในรอบที่ 2 จะให้ผลผลิตที่มากกว่ารอบแรกถึง 30%
 นอกจากนั้นยังสามารถปลูกพืชเกษตรควบในสวนไม้ยูคาลิปตัสได้ ได้แก่ ข้าวโพด สับปะรด มันสำปะหลัง เป็นต้น ซึ่งเป็นการสร้างรายได้ในระหว่างช่วงที่รอการตัดฟันไม้ออก การปลูกสวนไม้ยูคาลิปตัสจึงช่วยเพิ่มมูลค่าที่ดินให้สูงขึ้นที่ ตำบลวังศาลา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ที่ตั้งของสถานที่วิจัยและพัฒนาพันธุ์ไม้ยูคาลิปตัส ที่นี่มีการเพาะพันธุ์ในหลอดแก้ว การทดลองปลูกต้นยูคาลิปตัสในกรีนเฮาส์ และการปลูกในแปลงเพาะคุณพนมศักดิ์ พรสุขสว่าง เกษตรกรผู้ปลูกยูคาลิปตัส บอกว่าได้เริ่มปลูกยูคาลิปตัสมาตั้งแต่ปี 2534 ก่อน หน้านั้นเคยปลูกอ้อย แต่ผลผลิตไม่ดี เพราะเจอภัยแล้ง ผลผลิตเสียหายจนต้องมีหนี้สิน แต่พอหันมาปลูกยูคาลิปตัสได้ไม่นานก็สามารถหาเงินมาใช้หนี้ได้จนหมด ปัจจุบันเป็นผู้ดูแลไร่ยูคาลิปตัสในพื้นที่กว่า 800 ไร่ โดยปลูกสลับช่วงเวลากันในแต่ละแปลง เพื่อให้มีผลผลิตทุกปีจากการเก็บเกี่ยวทีละแปลง เพราะ 3-4 ปีจึงจะเก็บเกี่ยวได้หนึ่งครั้ง พอเก็บเกี่ยวจนยูคาฯหมดผลผลิต ก็ปลูกมันสำปะหลังสลับเป็นเวลา 2 ปี แล้วจึงกลับมาปลูกยูคาฯต่อ ซึ่งก็ให้ผลผลิตที่ดีเช่นกันสำหรับ ผู้ที่สนใจอยากปลูกยูคาลิปตัส ไม่ว่าจะเป็นเกษตรกร หรือเจ้าของที่ดินที่สนใจอยากลงทุน ที่ศูนย์แห่งนี้มีบริการฟรี ตั้งแต่การประเมินความเหมาะสมของสภาพที่ดิน วางแผนการปลูก จัดส่งกล้าพันธุ์ ตลอดจนวัดผลความคืบหน้าในการเพาะปลูก เช่น ขนาดลำต้น และจัดสัมมนาให้ความรู้ นอกจากนี้ยังมีบริการจัดหาแรงงานในการเพาะปลูกและดูแลผลผลิต ตลอดจนรับเหมาตัดฟันและขนส่งครบวงจร เกษตรกรทั่วประเทศที่สนใจต้องการรายละเอียดเพิ่มเติมติดต่อสอบถามได้ที่ 085-312-0577 หรือ www.bantonkla.com






ต้นกระดาษ











 

 

 

 

ต้นกระดาษ : จำหน่ายและรับเหมาปลูกทั่วประเทศ 085 – 312 – 05


“สำนักงานบ้านต้นกล้า”
ระบบบริหารจัดการป่าไม้เอกชนระดับสากล
Private forestry management international
1.จำหน่ายกล้าต้นกระดาษ ( กล้ายูคาฯ เนื้อเยื่อ โตเร็ว ไม่มีรากแก้ว ลำต้นตรง )
2. กล้าคุณภาพดีพร้อมปลูกได้ทันที รับเหมาปลูกและดูแลจนถึงตัดส่งโรงงานทั่วราชอาณาจักรไทย
3.สอบถามราคาได้โดยตรงตามเบอร์โทร 085-3120577 คุณต้น tieyai7@hotmail.com
4. รับเหมาปลูกพร้อมดูแลรักษาตามหลักวนศาตร และเทคโนโลยีการปลูกสร้างสวนไม้ ทั่วประเทศ
5.มีทีมไถที่ดิน -ทีมปลูกต้นกระดาษที่ชำนาญ ทำมากว่า 20 ปี
6.รับเช่าที่ดินปลูกสร้างสวนไม้ยูคา สัญญาเช่า 10 ปี
7.รับซื้อไม้ยูคาฯในราคาสูง ชื้อเป็นตันและเหมาแปลง สนใจ หรือสอบถามปัญหาต่างๆ ในการปลูกยูคาฟรี
8.รับเหมาออกแบบและวางระบบน้ำเกษตรทั้งระบบ ทั้งแบบอัติโนมัติและสวิทซ์
** นอกจากนี้เรายังจำหน่าย กล้ายางพารา ต้นตะกูยักษ์ กล้ายูคาเนื้อเยื่อ SCG ไม้ดัด ไม้ประดับ ปุ๋ย สารเคมี สารชีวภาพเพื่อการเกษตรทุกชนิด
(ติดต่อได้ในเขต อ.เมือง จังหวัดชัยภูมิ และจังหวัดนครราชสีมา) โทร. 085-3120577 คุณต้น tieyai7@hotmail.com
เว็บไวต  www.bantonkla.com
   หรือ www.facebook.com/konplookmai
..............................................................................................................................
..............................................................................................................................

ต้นกระดาษ

        ต้นกระดาษ คือ ยูคาลิปตัส ที่ผ่านการพัฒนาปรับปรุงสายพันธุ์มามากกว่า 30 ปี เพื่อ เป็นทางเลือกในการสร้างรายได้ให้กับเกษตรกร เพราะต้นกระดาษไม่มีข้อจำกัดทางด้านฤดูกาลเพาะปลูก การเก็บเกี่ยว เหมือนกับพืชเกษตรอื่นๆ ทั้งยัง มีความเหมาะสมกับการปลูกในทุกพื้นที่ของประเทศ เหมาะสมกับทุกสภาพแวดล้อม โดยมีลักษณะลำต้นสูงโปร่ง ไม่มีกิ่งก้าน ไม่บดบังแสงแดด มีความต้านทานโรคสูง เปลือกบาง เนื้อไม้เยอะ ดูแลและบำรุงรักษาไม่ยุ่งยาก ทนต่อโรคและแมลง และที่สำคัญมีการปรับปรุงระบบรากให้ไม่มีรากแก้วแต่ใช้รากฝอยในการหาอาหาร ส่งผลให้ต้นกระดาษไม่ไปแย่งชิงอาหารหรือน้ำของพืชที่อยู่ใกล้เคียง สามารถปลูกบนหัวไร่คันนา หรือ ปลูกควบคู่กับพืชอื่นได้ เป็นการพึ่งพาแบบเกื้อกูลซึ่งกันและกันทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลที่ว่า ต้นกระดาษจึงปลูกได้ทุกฤดู ดูแลง่าย โตไว กำไรงาม

นอก จากการปลูกต้นกระดาษจะสร้างงานสร้างรายได้แล้ว ยังถือได้ว่าทุกคน ช่วยปกป้องโลกจากสภาวะโลกร้อน เพราะจากปริมาณการปลูกต้นกระดาษที่เราส่ง เสริมไว้ สามารถเพิ่มพูนความชุ่มชื้นสู่อากาศโดยรอบ  และช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ 2.4 ล้าน ตันต่อปี เป็นพื้นที่การ เกษตรสีเขียวที่มีผู้ดูแล และผู้ดูแลก็คือเกษตรกรที่มีผลตอบแทน มีรายได้ มีอาชีพที่ ยั่งยืนไปด้วยพร้อม ๆ กัน สอดคล้องกลมกลืนกับการเกษตรแบบสวนผสมของ เกษตรกรไทย สามารถปลูกต้นกระดาษควบคู่กับพืชเกษตรอื่น โดยใช้เวลาว่างจาก การปลูกพืชตามฤดูกาลในแต่ละปี เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
ต้น กระดาษ ยังเป็นพืชที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก จากข้อได้เปรียบด้านภูมิศาสตร์ของประเทศไทย ทำให้มีแสงแดด และมีฝนตกอย่างสม่ำเสมอ ประกอบการวิจัยและพัฒนาพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้นกระดาษ จึงเติบโตได้ดีและรวดเร็ว และผลของการพัฒนาปริมาณเยื่อในเนื้อไม้ ทำให้ต้นกระดาษ มีวัตถุดิบในการผลิตเยื่อที่มีคุณภาพสูงเหมาะกับการผลิตกระดาษคุณภาพสูง และ ยังนำไปเป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมอื่นๆได้อีกมาก เช่น อุตสาหกรรมไม้แปรรูปเพื่อทดแทนไม้ธรรมชาติ และใช้เป็นเชื้อเพลิงในธุรกิจพลังงานกล้าไม้ที่คัดสายพันธุ์อย่างเข้มข้นต้นกระดาษผ่าน การวิจัยและพัฒนาคัดสายพันธ์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงอย่างเข้มข้น มากว่า 30 ปี จนได้กล้าไม้ที่ทนต่อความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศ มีความต้านทานโรคพืชสูง ต้นตั้งตรง เติบโตดี ให้ผลผลิตสูง ไม่กลายพันธุ์ ไม่ส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อม และยังสามารถปลูกร่วมกับพืชอื่นได้อีกด้วย

โรงงานผลิตต้นกระดาษ
เราเชื่อว่าต้นไม้ ที่เติบใหญ่ ย่อมมาจากพันธุ์กล้าที่มีคุณภาพ ดังเช่น ต้นกระดาษ ดังนั้น เราจึงให้ความสำคัญ กับทุกขั้นตอนการผลิตกล้า เรามีโรงงานผลิตกล้าไม้ที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุดในโลก ผลิตต้นกระดาษ คุณภาพกว่า 300 ล้านต้น ต่อปี ดังนั้นเกษตรกรจึงมั่นใจ ในคุณภาพต้นกระดาษของเราทุกต้น

การคัดสายพันธุ์
• คัดเลือกแม่พันธุ์ไม้จากแหล่งกำเนิดที่ดีมาปลูกทดสอบ
• ผสมปรับปรุงพันธุ์เพื่อให้ได้กล้าที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมที่สุด
• ปลูกทดสอบในหลายพื้นที่
• ขยายพันธุ์และอนุบาลในโรงเรือนที่ควบคุมอุณหภูมิ ก่อนนำไปส่งเสริมการปลูกให้เกษตรกรกว่าสองล้านครอบครัว

ลักษณะและคุณภาพ
• ต้นกล้าสมบูรณ์ จากกระบวนการผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย ระบบรากถูกออกแบบให้พุ่งในแนวดิ่ง ไม่วนและขดเป็นเกลียว มีรากอาหารจำนวนมาก ส่งผลเมื่อปลูกจะตั้งตัวเร็วเติบโตไวและมีอัตราการรอดตายสูง
• ลำต้นและใบสมบูรณ์ ยอดไม่หัก ไม่ขาด และมีใบไม่น้อยกว่า 3 คู่ (ไม่รวมยอด)
• ปลูกครบ 3-5 ปี ตัดขายแล้วไว้ตอได้ หน่อที่แตกใหม่มีคุณภาพสมบูรณ์แข็งแรง


ความแตกต่างระหว่างต้นกระดาษและกล้าเมล็ด
ลักษณะคุณสมบัติ ต้นกระดาษ กล้าอื่นทั่วไป
ผลผลิต ผลผลิตเฉลี่ย 16-30 ตัน/ไร่/5ปี ผลผลิตเฉลี่ย 8-10 ตัน/ไร่/5ปี
การกลายพันธุ์ เมื่อปลูกแล้ว ไม่กลายพันธุ์ มีลักษณะเหมือนแม่พันธุ์ทุกประการ ปลูกแล้วมีการ กลายพันธุ์สูง มีความแปรปรวนทางพันธุกรรม
รูปทรง ความสม่ำเสมอ ลำต้นปลายตรง ทรงพุ่มสมดุล ไม่มีกิ่ง การเจริญเติบโตใกล้เคียงกันทุกต้น ลำต้นคดงอ มีกิ่งง่ามใหญ่ ไม้ในแปลงเดียวกันมีหลายขนาด
ความหนา เปลือก เปลือกบาง เนื้อไม้มาก เปลือกหนา เนื้อไม้น้อย
ความต้าน ทานโรค มีความต้านทาน สูง เสี่ยงต่อการ เป็นโรคสูง ต้นที่แคระแกรน อ่อนแอต่อโรค ทำให้เป็นพาหะของเชื้อโรคได้ง่าย
การจัดการ ดูแลรักษา ตั้งตัวเร็ว ไม้สม่ำเสมอ จัดการง่าย ตั้งตัวช้า ไม้ไม่สม่ำเสมอ จัดการยาก
การไว้หน่อ เปอร์เซ็นต์ แตกหน่อสูง ตอรอดสูง หน่อสม่ำเสมอ ตอรอดต่ำ หน่อไม่สม่ำเสมอ




ประโยชน์จากต้นกระดาษ              เริ่มจากแสงแดดแหล่งพลังงานที่ไม่ต้องซื้อหา สังเคราะห์แสงเป็น ต้นกระดาษ ที่เติบใหญ่ อยู่ในการเลี้ยงดูของเกษตรกรนับล้านครอบครัว ผลัดกันยืนต้นปกคลุมผืนดิน ในพื้นที่ที่เคยรกร้างหรือตามแปลงคันนาที่ไม่เคยใช้ประโยชน์ เพิ่มพูน ความชุ่มชื้นสู่อากาศโดยรอบ สร้างออกซิเจนสู่บรรยากาศ 1.6 ล้านตันต่อปี และ ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ 2.4 ล้าน ตันต่อปี เป็นพื้นที่การเกษตรสีเขียวที่มีผู้ดูแล และผู้ดูแลก็คือเกษตรกรที่มีผลตอบแทน มีรายได้ มีอาชีพที่ยั่งยืนไปด้วยพร้อม ๆ กัน สอดคล้องกลมกลืนกับการเกษตรแบบสวนผสมของเกษตรกรไทย สามารถปลูก ต้นกระดาษควบคู่กับพืชเกษตรอื่น โดยใช้เวลาว่างจากการปลูกพืชตามฤดูกาลใน แต่ละปี เป็นการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกร
นอก จากนี้ ต้นกระดาษ ยังเป็นพืชที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก จากข้อได้เปรียบของประเทศไทยที่ตั้งอยู่ในแถบเส้น ศูนย์สูตรทำให้มีแสงแดด และอยู่ในแถบมรสุมจึงมีฝนตกอย่างสม่ำเสมอ ประกอบการวิจัยและพัฒนาพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ ต้นกระดาษเติบโตได้ดีและรวดเร็ว และผลของการพัฒนาปริมาณเยื่อในเนื้อไม้ ทำให้ต้นกระดาษมีวัตถุดิบในการผลิตเยื่อที่มี คุณภาพสูง เหมาะกับการผลิตกระดาษคุณภาพสูง และยังนำไปเป็นวัถุดิบในอุตสาหกรรมอื่นๆได้อีกมาก เช่น อุตสาหกรรมไม้อัด อุตสาหกรรมไฟฟ้า ฯลฯ  

ต้นกระดาษ : ยั่งยืนด้านเศรษฐกิจและสังคม
• ก่อให้เกิดงานและรายได้กับเกษตรกรมากกว่า 2.5 ล้านครอบครัว และเกิดงานต่อเนื่องมากมายในชุมชน อาทิ การรับจ้างปลูกไม้ รับจ้างตัดไม้ รับจ้างขนส่งไม้
• ลดปัญหาการว่างงานแฝง โดยเกษตรกรสามารถใช้เวลานอกฤดูการทำนา หรือพืชไร่อื่นมาปลูกต้นกระดาษ
• ก่อให้เกิดอุตสาหกรรมต่อเนื่องจากเศษไม้และปลายไม้ เช่น การผลิตไฟฟ้า การผลิตไม้  MDF ไฟเบอร์บอร์ดหรือไม้อัด
• เป็นไม้ใช้งานในชุมชน เช่น การทำรั้ว เล้าเป็ด เล้าไก่ บ้านพักอาศัย
• ช่วยให้สังคมชนบทมีความเข้มแข็ง มีทางเลือก ไม่ต้องอพยพมาเป็นแรงงานในเมืองหลวง
• ทำให้มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์พร้อมหน้ากัน

ต้นกระดาษ : ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม
• ผลิตกระดาษโดยใช้ไม้ปลูกของเกษตรกร ทำให้ไม่ต้องใช้ไม้จากป่าธรรมชาติ
• ทำให้พื้นที่รกร้างว่างเปล่า กลับมาใช้ประโยชน์ได้
• เพิ่มมูลค่าให้ผืนดิน ด้วยการปลูกตามหัวไร่ คันนา
• ลดการทำลายป่าธรรมชาติ เพราะไม้ปลูกสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย
• เพิ่มพื้นที่ป่าไม้ให้กับธรรมชาติ ช่วยในการสร้างออกซิเจนให้กับธรรมชาติ ลดภาวะโลกร้อน
• ช่วยลดคาร์บอนไดออกไซด์ 2.4 ล้านตันต่อปี
• ลดปัญหาไฟป่าและลดปัญหาควันพิษจากไฟป่า (Haze) เนื่องจากปลูกเป็น แปลงย่อย โดยมีเกษตรกรดูแลเป็นอย่างดี






 







การปลูกแบบออกเป็น 2 แบบตามฤดูกาล
การปลูกฤดูแล้ง มีขั้นตอนการปลูก ดังนี้
1.วางแนว โดยใช้เชือกในล่อนผูกปม วัดระยะ เช่น 2 เมตร หรือ 2.5 เมตร
2.ทำหลุม ลึก 30เซนติเมตร กว้าง 40 เซนติเมตร ยาว 30 เซนติเมตร
3.ใส่ปุ๋ยรองก้นหลุม ใส่ปุ๋ยเคมี สูตร 15 – 7 – 18 หรือ 18 – 8 – 4 อัตรา 15–20 กรัม / ต้น หรือปุ๋ยมูลไก่ 500 กรัม/ต้น
4. ปลูก ใช้จอบขุดที่กลางหลุมจากนั้นวางต้นกล้า ตั้งให้ตรง และ อยู่ตรงกลางหลุม พร้อมกับ เกลี่ยดินกลบ
5. รดน้ำ รดน้ำประมาณ 15 ลิตร โดยใช้สายยาง รดวนไปมารอบๆปากหลุม
6. กลบโคน โดยใช้จอบขุดดินที่ขุดขึ้นมาจากหลุมปลูกกลบลงไปให้เต็มหลุม
 
การปลูกหน้าฝน
.       1.วางแนว โดยใช้เชือกในล่อนผูกปม วัดระยะ เช่น 2 เมตร หรือ 2.5 เมตร
.       2.ทำหลุม ลึก 20 เซนติเมตร กว้าง 20 เซนติเมตร ยาว 20 เซนติเมตร
.       3.ปลูก ใช้จอบขุดที่กลางหลุมจากนั้นวางต้นกล้า ตั้งให้ตรง และ อยู่ตรงกลางหลุม พร้อมกับ เกลี่ยดินกลบ ควรกลบหลุมให้ต่ำและเหลือพื้นที่สำหรับรองรับน้ำฝน